Support
prasertfurniture
081 - 6670361 , 083 - 2480022
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ
guest
ปริศนา เสริมสกุล
- Guest -

Post : 2019-08-06 07:27:26.0     Forum: สอบถาม  >  สอบถามราคา และโต๊ะกลาง

ราคาแหย่ง 7500  รวมค่าส่งไหมคะ แล้วมีโต๊ะกลางที่เข้ากับแหย่ง ด้วยไหมคะ

guest
วันเพ็ญ
- Guest -

Post : 2016-12-17 09:32:52.0     Forum: สอบถาม  >  ตู้เสื้อผ้าทึบ4บานราคาเท่าไรค่ะ

 สอบถามต้เสื้อผ้าไม้สักบานประตู4บานราคาเท่าไรค่ะต้องเสียค่าจัดส่งเองรึเป่าค่ะ

 

guest
ชล
- Guest -

Post : 2011-07-31 13:31:49.0     Forum: สอบถาม  >  สนใจอยากได้สินค้ามาขายที่จังหวัดกาฬสินธุ์

สนใจอยากได้สินค้ามาขาย ร้านจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ที่จังหวัดกาฬสินธุ์  ขอแคตคาล็อกและราคาด้วยค่ะ

userfiles/profile-picture/e1307ef7-5465-4c0a-ad3a-d19850f5083c/untitled (1).JPG

Post : 2011-05-26 18:58:15.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  การดูแลรักษาไม้

จากน้ำตาเทียนบนเฟอร์นิเจอร์ไม้ เพื่อลบรอยเทียนไขออกให้ใช้สันมีดขูดน้ำตาเทียนออกเบาๆหลังจากนั้นก็ให้ขัดเงาด้วยผ้าชาร์มัวร์เฟอร์นิเจอร์ ไม้สัก เมื่อผ่านการใช้งานไปนานๆก็อาจจะเกิดรอยขูดขีด และคราบเปรอะเปื้อนต่างๆ ทำให้เนื้อไม้เฟอร์นิเจอร์ของเราไม่สวยเงางามอย่างเคย ดังนั้นเราจึงต้องหมั่นดูแลบำรุงรักษาเฟอร์นิเจอร์ไม้สักสวยงามอยู่ตลอดเวลา โดยวิธีบำรุงรักษาเฟอร์นิเจอร์ไม้สักกรณีที่เลอะคราบไขมันหรือหมึก ให้ผสมน้ำส้มสายชูปริมาณ 2 ช้อนโต๊ะ กับน้ำ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วนำผ้าสะอาดชุบน้ำที่ผสมกับน้ำส้มสายชูและเช็ดลงไปตรงรอยเปื้อน แล้วจึงล้างน้ำออกให้หมด จากนั้นก็นำไปตากให้แห้ง แล้วก็นำเฟอร์นิเจอร์ไม้นั้นมาขัดเงาตามปกติกรณีเกิดคราบ

userfiles/profile-picture/e1307ef7-5465-4c0a-ad3a-d19850f5083c/untitled (1).JPG

Post : 2011-05-26 18:47:33.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  ทำไมจึงต้องมีการอบไม้สักก่อนนำไปทำเฟอร์นิเจอร์ไม้

 ทำไมจึงต้องมีการอบไม้สักก่อนนำไปทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ พอดีมีหลายท่านถามมาผมเลยขออนุญาติตอบในบทความนี้เลยนะครับ

ตามธรรมชาติเฟอร์นิเจอร์ไม้สักที่ยังยืนต้นอยู่จะมีน้ำอยู่ในเซลล์เพื่อหล่อเลี้ยงต้นไม้ ซึ่งน้ำหนักของน้ำในเซลล์เหล่านี้อาจมากกว่าน้ำหนักของตัวเซลล์ไม้ด้วยซ้ำ พอหลังจากที่มีการตัดไม้สักมาใช้งาน ไม้สักจะเริ่มสูญเสียน้ำออกมาจากเซลล์โดยจะมีการคายน้ำออกมาอย่างรวดเร็วในช่วงแรกๆและค่อยๆลดอัตราการคายน้ำลง ซึ่งถ้าหากเราปล่อยให้ไม้สักแห้งเองตามธรรมชาติอาจต้องใช้เวลานานมากกว่าจะนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ได้

ดังนั้นปัญหาที่เฟอร์นิเจอร์ไม้สักมักจะหดตัว โก่งหรือบิดงอ ส่วนใหญ่จะมาจากการอบไม้ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ได้อบเลย ดังนั้นในการตัดสินใจซื้อควรคำนึงให้ดีอย่าคิดแต่ว่าสินค้ามีราคาถูกอย่างเดียวครับ แต่ถ้าเป็นสินค้าของเรา ถ้าเป็นไม้ใหม่เราจะมีการอบก่อนที่จะนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ทุกครั้งครับ  

คราวนี้เราคงจะต้อง รักษาไม้กันให้ดีๆแล้วละเพราะการที่เรานั้นมีไม้ที่ดีควรจะต้องรักษาไว้ให้ดีด้วยการที่เราจะซื้อไม้มาไว้ในบ้านต้องรักษาอย่างดีรนะครับ

guest

Post : 2011-03-24 14:27:56.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  การเลือกซื้อเครื่องเรือน

 

การเลือกซื้อเครื่องเรือน

1 งบประมาณของคุณ

ไม่ว่างบประมาณจะเป็น ประเด็นในการเลือกซื้อของคุณหรือไม่ ก็ตาม แต่เชื่อเถอะว่าการใช้งบประมาณเป็นตัวกำหนดแนวทางการเลือกซื้อยังใช้ได้เสมอ หากคุณชอบเฟอร์นิเจอร์ที่มีคุณภาพสูง ทำจากไม้ที่มีราคาแพงหรือหาได้ยาก หรือมีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์คุณย่อมต้องจ่ายมากขึ้น และหากคุณต้องจ่ายเงินมากเกินไปในเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใดชิ้นหนึ่ง แน่นอนว่าคุณอาจหมดงบสำหรับซื้อชิ้นอื่นๆที่จำเป็น ดังนั้นในการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ควรที่จะมีงบประมาณที่แน่นอนสำหรับ เฟอร์นิเจอร์แต่ละรายการ เพื่อไม่ให้คุณต้องทน>อยู่ในห้องโล่งๆที่มีเฟอร์นิเจอร์แค่ชิ้นหรือสองชิ้น

2 จะใช้งานที่ไหน ?   

สำหรับห้องนั่งเล่น หรือดูที.วี.หรือห้องครัวที่ต้องมีการใช้งานทุกวันคุณคงต้องเลือก เฟอร์นิเจอร์ที่มีความทนทาน เพระคุณ ต้องเปิดปิดลิ้นชักหรือหน้าบานบ่อยครั้ง ในทางตรงกันข้ามสำหรับห้องที่ใช้งานน้อยเช่นห้องนอนของแขกหรือ ห้องนอนสำรอง อาจเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่เน้นความทนทานแต่ควรเลือกเฟอร์นิเจอรฺที่รูปทรง และขนาดแทน เป็นต้น ในโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่จะมีการแยกชนิดของเฟอร์นิเจอร์ตามการใช้ งานอยู่แล้ว หากไม่แน่ใจคุณอาจสอบถามพนักงานขายว่าเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้น เหมาะกับการนำไปใช้งานหรือไม่
  

3 อายุการใช้งาน ?    

เฟอร์นิเจอร์สำหรับ ห้องนั่งเล่น ห้องทานอาหารหรือห้องนอน อาจต้องมีการใช้งานที่ยาวนาน หรือบางทีอาจ สามารถใช้งานจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นได้ทีเดียว คุณจึงตั้งงบประมาณสำหรับเฟอร์นิเจอร์ในส่วนนี้ได้มาก กว่าส่วนอื่นๆ แต่เฟอร์นิเจอร์ของเด็ก ไม่ควรตั้งงบประมาณไว้สูงเกินความจำเป็นเพราะเด็กเติบโตขึ้นทุกวัน และเมื่อเด็กโตขึ้นเราก็ต้องเปลี่ยนมันอยู่ดี การเลือกเฟอร์นิเจอร์สำหรับเด็กจึงควรคำนึงถึงความปลอดภัย และ ขนาดที่พอดีกับการใช้งานของเด็กก่อน ความแข็งแรงทนทานด้วยซ้ำ

 

4 สไตล์ที่คุณชอบ ?

    แม้การเลือกสไตล์ของ เฟอร์นิเจอร์จะเป็นสิ่งสำคัญ เช่นในปัจจุบัน บรรดามัณฑนากรและเจ้าของบ้านกำลังนิยม eclectic style ซึ่งเป็นการนำเอาเฟอร์นิเจอร์หลายแบบหลายสไตล์มาผสมผสานกันในการห้องเดียว กัน แต่มีข้อควรระวังในการตก แต่งแบบนี้  เพราะหากคุณอาจเลือกผิดเลือกถูกได้ง่ายๆ เช่น คุณอาจเผลอนำเฟอร์นิเจอร์เก่ารุ่นคุณปู่ไปวางในห้องอาหารที่อาจใช้รับรอง แขกอย่างเป็นทางการ เป็นต้น
    การ เลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์โดยใช้หลักง่ายๆดังกล่าว อาจช่วยให้คุณเลือกเฟอร์นิเจอร์สำหรับบ้านของคุณได้คุ้มค่ากับเงินที่คุณ ต้องจ่ายไป และอย่าลืมสำรวจดูอุปกรณ์ต่างๆเช่น มือจับ,บานพับ ที่ต้องให้มีคุณภาพคงทนเท่ากับอายุของเฟอร์นิเจอร์

 

guest

Post : 2011-03-24 14:20:42.0     Forum: บทความน่าสนใจ  >  ควา่มรู้เกี่ยวกับไม้สัก

 
ควา่มรู้เกี่ยวกับไม้สัก
 
 

ต้นไม้สัก เป็นไม้ผลัดใบขนาดใหญ่ มีลำต้นปลายตรง มักมีพูพอนบริเวณโคนต้น เรือนยอดกลม ลำต้นมีความสูงตั้งแต่ 20 เมตรขึ้นไป มีเปลือกหนาสีเทาหรือน้ำตาลอ่อน แกมเทา มีใบขนาดใหญ่ กว้าง 20-30 ซม. ยาว 30-40 ซม. ดอกมีขนาดเล็กสีขาวนวล ออกเป็นช่อขนาดใหญ่ บริเวณปลายกิ่งในช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคมผลสักรูปร่างค่อนข้างกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง1-2 ซม. ผลหนึ่ง ๆจะมีเมล็ด 1-4 เมล็ดโดยทั่วไปมักจะเรียกผลสักว่า “เมล็ดสัก” ซึ่งเมื่อแก่จัดจะเป็นสีน้ำตาล

ภาพ:ไม้สัก.GIF

        ลักษณะเนื้อไม้สักจะมีสีน้ำตาลทอง (เรียกว่าสักทอง) ถึงสีน้ำตาลแก่ และมักจะมีเส้นสีน้ำตาลแก่แทรก (เรียกว่าสักทองลายดำ) เนื้อไม้มีเสี้ยนตรง เนื้อหยาบ แข็งปานกลาง เลื่อยไสกบ ตกแต่งง่ายไม่ค่อยยึดหดหรือบิดงอง่ายเหมือนไม้ชนิดอื่น มีความทนทานต่อการทำลายของมอดและปลวกตลอดจนเชื้อราได้ดี จึงมีความทนทาน ตามธรรมชาติสูง และมีลวดลายสวยงามในด้านการใช้ประโยชน์ไม้สัก

        มีการแบ่งคุณลักษณะของไม้สักโดยพิจารณาจากสีของเนื้อไม้ การตกแต่ง ความแข็ง ความเหนียวของเนื้อไม้ออกเป็น 5 ชนิด คือ

        1. สักทอง เนื้อไม้เป็นสีน้ำตาลทอง เสี้ยนต้องตกแต่งง่าย

        2. สักหิน เนื้อไม้เป็นสีน้ำตาลหรือสีจาง ตกแต่งง่าย

        3. สักหยวก เนื้อไม้เป็นสีน้ำตาลอ่อน

        4. สักไข่ เนื้อไม้สีน้ำเข้มปนเหลือง มีใบบนยากแก่การตกแต่ง และทาสี

        5. สักขี้ควาย เนื้อไม้สีเขียวน้ำตาล น้ำตาลดำดูเป็นสีเลอะๆ

 

 การกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติและถิ่นกำเนิด

        ไม้สัก มีถิ่นกำเนิดอยู่ในตอนใต้ของประเทศอินเดีย พม่า ไทย ลาว (ส่วนที่ติดภาคเหนือของไทย)และอินโดนีเซีย สำหรับประเทศไทยนั้น ไม้สักจะขึ้นอยู่เป็นส่วนใหญ่ ในป่าเบญจพรรณทางภาคเหนือ และบางส่วนของภาคกลางและเชียงราย ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน ตาก สุโขทัยกำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี และกาญจนบุรี

        ไม้สัก ชอบขึ้นตามพื้นที่ที่เป็นภูเขา หรือตามพื้นราบแต่ดินระบายน้ำได้ดี น้ำไม่ท่วมขัง ซึ่งอาจจะเป็นดินร่วนปนทรายหรือดินที่มีความลึกมาก ๆ โดยเฉพาะดินที่ เกิดจากหินปูน ซึ่งแตกแยกผุพังจนกลายเป็นดินร่วนลึก ไม้สักจะเจริญเติบโตดีมาก

        ไม้สัก มักขึ้นอยู่เป็นกลุ่มไม้สักล้วน ๆ เป็นหย่อม ๆ หรืออาจขึ้นปะปนอยู่กับไม้เบญจพรรณอื่น ๆเช่น ไม้แดง ไม้ประดู่ มะค่าโมง ชิงชัน ตะแบก ฯลฯ โดยมีไม้ไผ่ชนิดต่าง ๆ เป็นไม้ชั้นล่าง

        ได้มีการนำไม้สักไปปลูกนอกเขตธรรมชาติอย่างแพร่หลายมาเป็น เวลานานแล้ว เช่น ที่พุแคจ.สระบุรี (2495), ดงบังอี่ จ.มุกดาหาร (2499), ไทยโยค จ.กาญจนบุรี (2497), วังสะพุง จ.เลย(2498), ช่องเม็ก อ.พิบูลย์มังสาหาร จ.อุบลราชธานี (2499), ดงลาน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น (2500),อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา (2502), ชัยบาดาล ลพบุรี (2507), เขาสอยดาว จ.จันทบุรี (2509) ฯลฯซึ่งก็ให้ผลแตกต่างกันไปตามลักษณะพื้นที่ที่นำไปปลูก

 

 ปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม

         ปัจจัยสำคัญต่อการเจริญเติบโตของไม้สัก ซึ่งอาจใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาคัดเลือกพื้นที่ในการปลูกไม้สัก พอสรุปได้ดังนี้

        1. ไม้สักจะเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ชุ่มชื้นมากกว่าที่แห้งแล้ง ปริมาณน้ำฝน ที่เหมาะแก่การเจริญเติบโตและมีเนื้อไม้งดงามของไม้สักอยู่ระหว่าง 1,000-2,000 มม. ต่อปีและฝนไม่ทิ้งช่วงนานเกินไปใน ระหว่างฤดูการเจริญเติบโต นอกจากนี้จะต้องมีช่วงฤดูแล้งที่ชัดเจน 3-4 เดือน

        2. อุณหภูมิที่เหมาะแก่การเจริญเติบโตของไม้สักอยู่ระหว่าง 25-35 ซม.

        3. ไม้สักเป็นไม้ที่ชอบแสงสว่าง ความเข้มของแสงที่เหมาะสม คือ 75-95% ของปริมาณแสงกลางวันที่ได้รับเต็มที่ การปลูกไม้สักจึงไม่ควรปลูกในร่มหรือใกล้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งอาจบดบังแสงแดดแก่ต้นที่ปลูกได้

        4. ดินที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของไม้สัก คือ เป็นดินที่มีการระบายน้ำได้ดี ไม่เป็นดินดาน ดินค่อนข้างลึก ดินร่วนปนทรายหรือเป็นดินที่เกิดจากการผุสลายของหินปูนและมีค่า pH ประมาณ 6.5-7.5 ส่วนดินที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกไม้สัก คือ ดินเหนียวดินลูกรัง ดินทราย และที่มีน้ำท่วมขัง

        5. สภาพภูมิประเทศที่เหมาะสมแก่การเจริญเติบโตของไม้สัก โดยทั่วไปจะมีความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 700 เมตร เป็นพื้นที่ราบถึงลาดชันเล็กน้อย ไม่เกิน 15%

 

 การขยายพันธุ์และการผลิตกล้าเพื่อปลูก

        การขยายพันธุ์ไม้สักอาจกระทำได้ทั้งโดยวิธีใช้เมล็ดและวิธีไม่ อาศัยเมล็ด การใช้เมล็ดขยายพันธุ์เป็นวิธีที่ปฏิบัติโดยทั่วไปในการปลูกสร้างสวนป่า เพราะเป็นวิธีที่ง่ายและเหมาะสมสำหรับผลิตกล้าหรือเหง้าสักจำนวนมาก ๆ สิ่งที่ควรคำนึงถึงก็คือ เมล็ดที่ใช้ควรเก็บมาจากแม่พันธุ์หรือแหล่งพันธุ์ที่มีลักษณะดีหรือได้รับ การปรับปรุงพันธุ์มาแล้ว เช่น แหล่งเก็บพันธุ์หรือสวนผลิตเมล็ดพันธุ์เท่านั้น

        สำหรับการขยายพันธุ์โดยไม่อาศัยเมล็ดนั้น เป็นวิธีการที่ค่อนข้างจะยุ่งยาก ต้องใช้เทคนิคและค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง วิธีนี้ประกอบด้วยการติดตา การปักชำ และการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ(Tissue Culture) หากเป็นการขยายพันธุ์จาก ต้นที่ได้รับการคัดเลือกหรือผ่านขบวนการปรับปรุงพันธุ์มาแล้ว ก็จะได้กล้าไม้ที่มีลักษณะดีโตเร็ว และเมื่อนำไปปลูกจะเจริญเติบโตอย่างสม่ำเสมอกันดี มีรูปทรงตามที่ต้องการการขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด จะเริ่มต้นด้วยการเก็บหรือจัดหาเมล็ดพันธุ์ มาเพาะหว่านในแปลงเพาะ ขนาดกว้างประมาณ 1 เมตร ยาวประมาณ 20 เมตร หรือตามสภาพพื้นที่ โดยใช้เมล็ด 1 ลิตร ต่อพื้นที่แปลงเพาะ 1 ตารางเมตร โดยพยายามหว่านให้เมล็ดกระจายอย่างสม่ำเสมอ หรืออาจจะหว่านเป็นแถวในร่องบนแปลงเพาะซึ่งห่างกัน แถวละ 10 ซม. ก็ได้ แล้วกลบเมล็ดด้วยหน้าดิน หลังจากหว่านเสร็จก็มีการดูแลรักษา โดยการกำจัดวัชพืช ป้องกันโรคและแมลง ลิดใบ และใส่ปุ๋ยตามความจำเป็น

        ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเพาะหว่านเมล็ดสัก คือ ช่วงเดือนเมษายน ถึงพฤษภาคมหลังจากที่เมล็ดเริ่มงอก หากเกิดฝนทิ้งช่วงก็ควรรดน้ำช่วงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้กล้าไม้ตายหรือชงักการเจริญเติบโต

        กล้าไม้สักจะงอกและเจริญเติบโตอยู่ในแปลงเพาะเป็นเวลา ประมาณ 1 ปีแล้วจึงถอนขึ้นมาตัดแต่งให้เป็นเหง้าโดยตัดส่วนของลำต้นออกให้เหลือตา1-2 คู่ หรือยาวประมาณ 1-2 ซม.พร้อมทั้งตัดรากแขนงและปลายรากแก้วออก เหลือแต่ส่วนของรากแก้วยาวประมาณ 15 ซม. ซึ่งเมื่อตัดแต่งแล้วจะเรียกว่า“เหง้าสัก” สำหรับใช้ในการปลูกต่อไป ขนาดของเหง้าที่เหมาะสมสำหรับปลูก ควรมีเส้นผ่าศูนย์กลางตรงคอรากประมาณ 1-2 ซม. สำหรับเหง้าขนาดเล็กควรนำไปปักชำในถุงพลาสติกเพื่อให้แตกเป็นต้นกล้าก่อน แล้วจึงนำไปปลูกต่อไป

 

 การคัดเลือกพื้นที่

        การคัดเลือกพื้นที่สำหรับปลูกไม้สัก ควรพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญ เติบโตของไม้สัก ตามที่ได้กล่าวไว้ในหัวข้อปัจจัยสิ่งแวดล้อม ที่เหมาะสมให้มากที่สุด

 

 การเตรียมพื้นที่

        การปลูกสักในเชิงธุรกิจ ควรเตรียมพื้นที่ปลูกโดยใช้เครื่องจักรกล เช่น รถแทรกเตอร์ เกรดปรับที่ และไถบุกเบิก ๑ ครั้ง และไถพรวนสลับอีก 1 ครั้ง หากพื้นที่มีขนาดใหญ่ ควรแบ่งออกเป็นแปลงย่อยแปลงละประมาณ ๕๐-๑๐๐ ไร่ โดยเกรดเป็นทางตรวจการรอบ ๆ เพื่อความสะดวกในการปฏิบัติงานและการดูแลรักษา

 

 การปลูก

        ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับปลูกสักที่จะให้ผลดีที่สุด คือ ช่วงต้นฤดูฝน หลังจากที่มีฝนตกหนักและดินชุ่มชื้นเพียงพอ(เดือนพฤษภาคม) หลังจากปลูกแล้วหากเกิดฝนทิ้งช่วง ก็ควรรดน้ำช่วยจะทำให้เปอร์เซ็นต์การรอดตายสูงและมีการเจริญเติบโตอย่าง ต่อเนื่อง วิธีการปลูกด้วยเหง้า กระทำโดยใช้เหล็กชะแลงกระทุ้งดินให้เป็นรูลึก เท่าความยาวของเหง้าสักแล้วนำเหง้าที่เตรียมไว้เลียบลงไปให้พอดีกับระดับดิน หรือต่ำกว่าผิวดินเล็กน้อย ใช้ชะแลงอัดดินข้างรูปลูกให้แน่น เพื่อให้เหง้าฝังแน่นกระชับอยู่ในดิน วิธีปลูกด้วยเหง้านี้เป็นวิธีที่ง่าย เสียค่าใช้จ่ายถูกและยังทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตดีด้วย เพราะในเหง้า สักมีการสะสมอาหารไว้สำหรับการเจริญเติบโต

        การปลูกด้วยเหง้าควรคัดเลือกเหง้าที่มีขนาดเท่ากันปลูกในบริเวณเดียวกัน เพื่อให้ต้นไม้เติบโตอย่างสม่ำเสมอมากที่สุด

        การปลูกด้วยกล้าชำถุง เหมาะสำหรับการปลูกในพื้นที่ไม่มากนัก หากได้มีการคัดเลือกกล้าเป็นอย่างดีก็จะได้ต้นสักที่เจริญเติบโตเร็ว และสม่ำเสมอเช่นกัน การปลูกสักด้วยกล้านี้ควรขุดหลุมปลูก ขนาด ๒๐x๒๐x๒๐ ซม. รองก้นหลุม ด้วยปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยเคมี ผสมกับหน้าดิน และเศษใบไม้ หรือวัชพืช กล้าไม้ที่นำไปปลูกควรมีขนาดสูงไม่น้อยกว่า ๓๐ ซม. และได้รับการทำให้แกร่งเป็นอย่างดีแล้ว เมื่อปลูกแล้วอัดดินรอบ ๆ โคนต้น ให้แน่น หากทำการรดน้ำด้วยในช่วงฝนทิ้งช่วงก็จะทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตได้ดีขึ้น

 

 การบำรุงรักษา

         การบำรุงรักษาต้นสักที่ปลูกแล้ว ต้องกระทำอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วง แรก ๆ เพื่อให้ต้นไม้มีการเจริญเติบโตดี รอดตายสูง ปราศจากโรคและแมลงทำลาย การบำรุงรักษาสวนไม้สัก ประกอบด้วย

        1. การแผ้วถางวัชพืช ควรกำจัดวัชพืชให้โล่งเตียนตลอดเวลา เพื่อลดการแก่งแย่งธาตุอาหารในดินและเบียดบังแสงแดดซึ่งจำเป็นต่อการเจริญ เติบโตและยังช่วยป้องกันไฟป่าอันอาจจะเกิดขึ้นในฤดูแล้งได้ด้วย

         2. การใส่ปุ๋ย ในพื้นที่ที่มีดินเลว ควรใส่ปุ๋ยเพื่อเร่งการเจริญเติบโตในระยะแรก ๆ โดยใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 22-11-11ใส่ต้นไม้ปีละ 1-2 ครั้งโดยปีแรก ใส่ครั้งละ 25 กรัม/ต้น ปีที่ 2 50 กรัม/ต้น ปีที่ 3ใส่ 75 กรัม/ต้น ปีที่ 4-5 ประมาณ 100 กรัม/ต้น หากใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักด้วยก็จะทำให้โครงสร้างของดินดี ขึ้น

        3. การป้องกันไฟป่า โดยทำทางตรวจการและแนวป้องกันไฟรอบ ๆ แปลง และควบคุมวัชพืชซึ่งเป็นเชื้อเพลิงในบริเวณสวนให้เตียนตลอดฤดูแล้ง เพราะหากเกิดไฟป่าในสวนสักจะทำให้ต้นไม้ที่ยังเล็กอยู่ได้รับความเสียหายได้

        4. การป้องกันโรคและแมลง โรคที่พบส่วนใหญ่ในต้นสักขนาดเล็ก คือ โรคเน่าคอดิน ซึ่งทำให้ต้นตายได้ เกิดจากดินมีความชื้นสูงเกินไป หรือน้ำท่วมขัง การแก้ไขโดยขจัดระบบการระบายน้ำให้ดี หรือหลีกเลี่ยงการปลูกบริเวณที่ลุ่ม น้ำท่วมขังได้ง่าย

        5. เมื่อต้นไม้มีอายุมากขึ้นและขนาดโตขึ้น ควรมีการลิดและตกแต่งกิ่งเพื่อให้ลำต้นสวยงาม การตัดสางขยายระยะเพื่อเปิดโอกาสให้ต้นไม้เจริญเติบโตได้เต็มที่ เป็นต้น

 

 การเจริญเติบโตและผลผลิตแต่ละช่วงอายุของไม้

        ไม้สักจัดได้ว่าเป็นไม้โตเร็วชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับไม้ชนิดอื่น อีกหลาย ๆ ชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเจริญเติบโตในช่วง 10 ปีแรกจะเร็วมาก อย่างไรก็ตามไม้สักจะโตเร็วมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ที่สำคัญ คือ

         (1) สภาพพื้นที่ที่ปลูก รวมทั้งการเตรียมพื้นที่

         (2) การจัดการสวนป่ารวมทั้งการบำรุงรักษา และ

         (3) คุณภาพของเมล็ดหรือกล้าพันธุ์ที่ใช้ปลูก

        ในพื้นที่ที่เหมาะสมและมีการจัดการสวนป่าเป็นอย่างดี ต้นสักอายุ 10 ปี จะสูงเฉลี่ยมากกว่า 15 เมตรขึ้นไปและมีเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยมากกว่า 15 ซม. มีผลผลิต (ไม้ท่อน) สูงกว่า 13 ม.3 ต่อไร่ หลังจากนั้นการเจริญเติบโตทางความสูงจะลดลง แต่ความโตทาง เส้นรอบวงจะยังคงเพิ่มขึ้นอีกเรื่อย ๆ

        การเจริญเติบโตดังกล่าวสามารถที่จะเพิ่มสูงขึ้นได้อีก 25-30 % หากสวนป่าได้รับการจัดการและการบำรุงรักษาเป็นอย่างดี และมีการคัดเลือกใช้เมล็ดพันธุ์ดี มาใช้ในการปลูกสร้างสวนป่า

 

 ค่าใช้จ่ายของการปลูกไม้สัก

         ในการหาผลตอบแทนทางเศรษฐกิจจากการปลูกสร้างสวนป่าไม้สักนั้น ได้มีการศึกษาในพื้นที่ที่ต้นสักเจริญเติบโตด ี โดยกำหนดรอบตัดฟันไว้ 15 ปี อัตราการเจริญเติบโต (เส้นผ่าศูนย์กลาง)2.0-2.5 ซม./ปี มีการตัดไม้บำรุงป่าในปีที่ 6 และทำการตัดสางขยายระยะในปีที่ 11 ได้ปริมาณ 3 ลบ.ม.ต่อไร่ ปลูกระยะห่าง 2x4 เมตร จำนวน 200 ต้น/ไร่ (อายุ 1-5 ปี มีต้นไม้หลังการรอดตาย 180 ต้น/ไร่อายุ 6-10 ปี มีต้นไม้ 90 ต้น/ไร่ และอายุ 11-15 ปี มีต้นไม้ 45 ต้น/ไร่) และผลผลิตเมื่อไม้มีอายุครบรอบตัดฟันจะมีปริมาณไม่ต่ำกว่า 12 ลบ.ม./ไร่ มีค่าใช้จ่ายในการลงทุนในช่วงระยะเวลา 15 ปี คิดเป็นเงินรวม 6,000 บาท/ไร่ และเมื่อคิดอัตราส่วนลด หรืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 15% ในระยะเวลา15 ปี จะต้องเสียดอกเบี้ยรวม 22,000 บาท/ไร ่ เมื่อรวมกับต้นทุนดังกล่าวข้างต้น จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเมื่อครบเวลา 15 ปี เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 28,000 บาท/ไร่

 

 การใช้ประโยชน์ไม้สัก

        ไม้สัก เป็นไม้ที่เราสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้แทบทุกรูปแบบตามอายุและขนาดของไม้ที่ ตัดออกมาจำหน่ายตั้งแต่ไม้ซุงขนาดใหญ่ เพื่อแปรรูปใช้ในการก่อสร้างอาคาร บ้านเรือน เฟอร์นิเจอร์ ไม้ปาร์เก้ไม้อัด ไม้แกะสลัก ต่อเรือ ฯลฯ

        ไม้ซุงขนาดเล็กลงมาที่ได้จากการตัดสางขยายระยะในสวนป่าปี ที่ 11 สามารถนำมาทำบ้านไม้ซุง(Log home) ได้อย่างสวยงามและคงทนหรือนำมาผ่าซีกทำเป็นไม้โมเสค วงกบประตูหน้าต่างได้ซึ่งเป็นที่นิยมกันมาก

        ในสมัยก่อนไม้สักค่อนข้างจะหาง่ายและราคาไม่แพง ประชาชนสามารถสร้างบ้านทั้งหลังโดยใช้ไม้สักล้วนๆ ได้ แต่ในปัจจุบันไม้สักในป่าธรรมชาติกำลังจะหมดไป เพราะความต้องการใช้สูงและทำไม้ออกขาดหลักวิชาการ รัฐบาลจึงมีนโยบายส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกไม้สักเพื่อใช้เองหรือเพื่อ การค้าได้ และเนื่องจากความต้องการใช้ไม้ มีมาก และนับวันจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ จึงไม่ต้องห่วงเรื่องราคาและการตลาด สำหรับไม้ชนิดนี้ แต่อย่างใดในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นไม้ขนาดเล็กที่ได้จากการตัดสางขยายระยะ หรือไม้ซุง เมื่อมีการตัดมาใช้ประโยชน์ครั้งสุดท้ายก็ตาม

 

 ข้อจำกัดของไม้สัก

         การปลูกไม้สักอาจจะมีข้อจำกัดบางประการดังต่อไปนี้

         (1) ด้านสภาพพื้นที่ ไม้สักไม่ชอบพื้นที่ลุ่ม ที่ชื้นแฉะ มีน้ำท่วมขัง ดินระบายน้ำไม่ดี เช่น ดินเหนียวดินลูกรัง ดินดาน และดินที่เป็นทรายจัดหรือดินตื้นมาก ๆ

         (2) ด้านสภาพแวดล้อม ไม้สักจะเจริญเติบโตไม่ดีในที่แห้งแล้ง หรือมีฝนตกไม่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูการเจริญเติบโต

         (3) การปลูกไม้สักล้วน ๆ เป็นผืนใหญ่ ๆ อาจก่อให้เกิดโรคและแมลงเข้าทำลายได้ง่าย เช่นหนอนกินใบสักและมอดป่าเจาะไม้สัก เป็นต้น

 

 ข้อเสนอแนะ

         (1) ควรเลือกพื้นที่ปลูกที่มีความเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของไม้สักมากที่สุด เท่าที่จะมากได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของดินและการเตรียมพื้นที่ควรทำให้ ประณีตที่สุด

         (2) ในที่แห้งแล้ง ฝนตกไม่ตรงตามฤดูกาล ควรมีระบบการรดน้ำด้วย

         (3) การปลูกสักในที่ดินผืนใหญ่ ควรแบ่งแปลงปลูกออกเป็นแปลงย่อย ๆ โดยปลูกไม้มีค่าชนิดอื่น ๆเป็นแนวกั้นเพื่อลดความรุนแรงจากโรคและแมลงทำอันตราย

         (4) ควรนำระบบวนเกษตรมาใช้ด้วย เพราะนอกจากจะช่วยให้ต้นสักเจริญเติบโตดีขึ้นแล้ว ยังสามารถได้รับผลผลิตจากพืชเกษตรที่ปลูกควบอีกทางหนึ่งด้วย

        การปลูกสัก แม้ว่าจะต้องลงทุนสูงบ้างในช่วงแรก ๆ แต่ผลตอบแทนระยะยาวที่ได้รับนั้นย่อมคุ้มค่าเสมอการปลูกไม้สักนอกจากจะเป็น การเพิ่มพูนค่าให้แก่ที่ดินของท่านแล้ว ยังเป็นการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของชาติโดยส่วนรวมอีกด้วย

 

 

1

เฟอร์นิเจอร์ไม้สัก เฟอร์นิเจอร์ไม้สัก teak furniture ตู้ เตียง โต๊ะ เก้าอี้ โซฟา wood ประเสริฐเฟอร์นิเจอร์ แพร่